วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2560

ภารกิจที่ 1 วิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่น
เรื่องท้าวผาแดงนางไอ่
1. วิเคราะห์ชื่อเรื่อง
             จากวรรณกรรมท้องถิ่นเรื่อง ท้าวผาแดงนางไอ่ ชื่อเรื่องนั้นได้นำมาจากตัวละครซึ่งเป็นตัวละครเอกทั้งฝ่ายชายและหญิง นั่นก็คือ ท้าวผาแดงเป็นตัวละครเอกของฝ่ายชาย นางไอ่เป็นตัวละครเอกของฝ่ายหญิงซึ่งทั้งสองมีความสำคัญกับการดำเนินเรื่องเป็นอย่างมาก
2. แก่นเรื่อง
                  โศกนาฏกรรมของความรักทั้งสามคนนำพามาซึ่งความหายนะ
3. โครงเรื่อง
3.1  เปิดเรื่อง
    เมื่อนั้นยังมีเมืองใหญ่กว้างอยู่เมืองหนึ่งชื่อ เอกชะธีตา มีพระยาขอมเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองด้วยความร่มเย็นไม่มีความเดือดร้อน ประชาชนอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข มีพระมเหสีชื่อนางจันทร์จอม ต่อมานางตั้งครรภ์ และได้ประสูติออกมาเป็นหญิง มีผิวพรรณสวยงามดุจดังกล้วยสุกเหมือนกับว่าสวรรค์นั้นส่งนางลงมาเกิดยังโลกมนุษย์ จึงได้ตั้งชื่อว่า นางไอ่คำ เมื่อโตเป็นสาวไม่ว่าใครก็ทราบชื่อเสียงในเรื่องของความงามของนางไอ่คำเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นที่รักและ หวงแหนมาก จึงสร้างปราสาทให้อยู่พร้อมเหล่าสนม กำนัล คอยดูแลอย่างดี 
3.2 การดำเนินเรื่อง
            จากนั้นกล่าวถึงน้องพระยาขอม พระยาขอมต่างแบ่งเมืองให้น้องชายและหลานเหลนปกครองเมือง เช่น เมืองฟ้าแดด เมืองหงส์ เมืองสีแก้ว เป็นต้น ขณะเดียวกันยังมีเมืองอีกเมืองหนึ่งชื่อ เมืองผาโพง มีเจ้าชายนามว่า  ท้าวผาแดง  เป็นกษัตริย์ปกครองอยู่ ท้าวผาแดงแห่งเมืองผาโพง ได้ยินกิตติศัพท์ความงามของธิดาไอ่คำมาก่อนแล้ว ใคร่อยากจะเห็นหน้า จึงปลอมตัวเป็นพ่อค้าพเนจร ถึง นครเอกชะทีตา และติดสินบนนางสนมกำนัล ให้นำของขวัญลอบเข้าไปให้นางไอ่คำ ด้วยผลกรรมที่ผูกพันกันมาแต่ชาติ ปาง ก่อนนางไอ่คำกับท้าวผาแดง จึงได้มีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน จนในที่สุดทั้ง 2 ก็ได้รักกันก่อนท้าวผาแดงจะจากไป เพื่อจัดขบวนขันหมากมาสู่ขอ ทั้ง 2 ได้คร่ำครวญต่อกันด้วยความอาลัยยิ่ง วันเวลาผ่านไปถึงเดือน 6 เป็นประเพณีแต่โบราณของเมืองเอกชะทีตา จะต้องมีการทำบุญบั้งไฟบูชาพญาแถนระยาขอม จึงได้ประกาศบอก ไปตามหัวเมืองต่าง ๆ ว่า บุญบั้งไฟปีนี้จะเป็นการหาผู้ที่จะมาเป็นลูกเขยอีกด้วย ขอให้เจ้าชายหัวเมืองต่างๆ จัดทำบั้งไฟมาจุดแข่งขันกัน ผู้ใดชนะก็จะได้อภิเษกกับพระธิดาไอ่คำด้วย
ข่าวนี้ได้ร่ำลือไปทั่วสารทิศ ทุกเมืองในขอบเขตแว่นแคว้นต่างก็ส่งบั้งไฟเข้ามาแข่งขัน เช่น เมืองฟ้าแดดสูงยาง เมืองเชียงเหียน เชียงทอง แม้กระทั่งพญานาคใต้เมืองบาดาลก็อดใจไม่ไหว ปลอมตัวเป็นกระรอกเผือกมาดูโฉมงามนางไอ่คำด้วยในวันงานบุญบั้งไฟ เมื่อถึงวันแข่งขันจุดบั้งไฟ ปรากฏว่า บั้งไฟท้าวผาแดงจุดไม่ขึ้นพ่นควันดำอยู่ถึง 3 วัน 3 คืน จึงระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้ความหวังท้าวผาแดงหมดสิ้นลง ขณะเดียวกัน ท้าวพังคีพญานาค ที่ปลอมเป็นกระรอกเผือก  มาไต่เต้นไปมาอยู่บนยอดไม้ ข้างปราสาทนางไอ่คำ ก็ปรากฏร่างให้นางไอ่คำเห็น นางจึงคิดอยากได้มาเลี้ยง แต่แล้วก็จับไม่ได้ จึงบอกให้นายพราน ยิงเอาตัวตายมา ในที่สุดกระรอกเผือกพังคีก็ถูกยิงด้วยลูกดอกจนตาย ก่อนตายท้าวพังคีได้อธิษฐานไว้ว่า ขอให้เนื้อของข้าได้แปดพันเกวียน คนทั้งเมืองอย่าได้กินหมดเกลี้ยง จากนั้นร่างของกระรอกเผือกก็ใหญ่ขึ้น จนผู้คนแตกตื่นมาดูกัน และจัดการแล่เนื้อแบ่งกันไปกินทั่วเมืองด้วยว่าเป็นอาหาร ทิพย์ ยกเว้นแต่พวกแม่ม่ายที่ชาวเมืองรังเกียจ ไม่แบ่งเนื้อกระรอกให้
3.3 จุดสูงสุด
พญานาคแห่งเมืองบาดาลทราบข่าวท้าวพังคีถูกมนุษย์ฆ่าตาย แล่เนื้อไปกินกันทั้งเมือง จึงโกธรแค้นยิ่งนัก ดึกสงัดของคืนนั้นขณะที่ชาวเมืองชะทีตากำลังหลับไหล เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ท้องฟ้าอื้ออึงไปด้วยพายุฝนฟ้า กระหน่ำลงมาอย่างหนัก ฟ้าแลบอยู่ไม่ขาด แผ่นดินเริ่มถล่มยุบตัวลงไปทีละน้อย ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของผู้คนที่วิ่งหนี ตาย พญานาคผุดขึ้นมานับหมื่น นับแสนตัว ถล่มเมืองชะทีตาจมลงใต้บาดาลทันที คงเหลือไว้เป็นดอน 3 - 4 แห่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกแม่ม่ายที่ไม่ได้กินเนื้อกระรอกเผือกจึงรอดตายฝ่ายท้าวผาแดงได้โอกาสรีบควบม้าหนีออกจากเมือง โดยไม่ลืมแวะรับพระธิดาไอ่คำไปด้วย แต่แม้จะเร่งฝีเท้า ม้าเท่าใด ก็หนีไม่พ้นทัพพญานาคที่ทำให้แผ่นดินถล่มตามมา
3.4 ปิดเรื่อง
 ในที่สุดก็กลืนท้าวผาแดงและพระธิดาไอ่คำพร้อมม้าแสน รู้ชื่อ บักสาม จมหายไปใต้พื้นดินรุ่งเช้าภาพของเมืองเอกชะธีตาที่เคยรุ่งเรืองโอฬาร ก็อันตธานหายไปสิ้น คงเห็นพื้นน้ำกว้างยาวสุดตา ทุกชีวิตในเมืองเอกชะธีตาจมสู่ใต้บาดาลจนหมดสิ้น เหลือไว้แต่แม่ม่ายบนเกาะร้าง 3 - 4 แห่ง ในผืนน้ำอันกว้างนี้ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นหนองหานหลวง ดังปรากฏในปัจจุบัน.