ภารกิจพิเศษ สรุปเนื้อหานิทาน เรื่องผาแดงนางไอ่
เรื่อง ท้าวผาแดงนางไอ่
จัดทำโดย
นางสาวพัชรียา กาฬพันธ์ ชั้นปีที่ 3 หมู่ 2
รหัสนักศึกษา 57210406228
เสนอ
อาจารย์วัชรวร วงศ์กัณหา
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาวรรณกรรมท้องถิ่น
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์
คำนำ
รายงานเรื่อง ท้าวผาแดงนางไอ่ เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาวรรณกรรมท้องถิ่นระดับปริญญาตรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเกี่ยวกับวรรณกรรมพื้นบ้านเรื่องท้าวผาแดงนางไอ่ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักและการแข่งขัน ความมานะอดทน พร้อมทั้งศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของหนังสือ
ผู้จัดทำต้องขอขอบคุณท่านอาจารย์วัชรวร วงศ์กัณหา ผู้ให้ความรู้ ชี้แนะแนวทางในการศึกษา และคอยแนะนำติชมมาโดยตลอดผู้ทำรายงานฉบับนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานเล่มนี้จะให้ความรู้และเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่าน
ผู้จัดทำ
นางสาวพัชรียา กาฬพันธ์
สารบัญ
เรื่อง
บทที่ 1 สรุปเนื้อหานิทานเรื่องท้าวผาแดงนางไอ่
1.1 ที่มาและความสำคัญ
1.2 ประวัติหนังสือ/ ผู้แต่ง/ ปีที่แต่ง/สำนักพิมพ์
บทที่ 2 วิเคราะห์ ชื่อและเนื้อหาในวรรณกรรมเรื่องสังข์ศิลป์ชัย
บทที่ 2 วิเคราะห์ ชื่อและเนื้อหาในวรรณกรรมเรื่องสังข์ศิลป์ชัย
2.1 ชื่อเรื่องมาจากอะไร
2.2 แก่นเรื่อง
2.3 โครงเรื่อง
2.4 ตัวละคร
2.5 ภาษา
2.6 ฉาก/สถานที่
บทที่ 3 ความโดเด่นของโครงเรื่อง
บทที่ 4 การนำไปประยุกต์ใช้
บทที่ 1
สรุปเนื้อหานิทานเรื่องผาแดงนางไอ่
สรุปเนื้อหานิทานเรื่องผาแดงนางไอ่
เมื่อนั้นยังมีเมืองใหญ่กว้างอยู่เมืองหนึ่งชื่อ เอกชะธีตา มีพระยาขอมเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองด้วยความร่มเย็นไม่มีความเดือดร้อน ประชาชนอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข มีพระมเหสีชื่อนางจันทร์จอม ต่อมานางตั้งครรภ์ และได้ประสูติออกมาเป็นหญิงมีผิวพรรณสวยงามดุจดังกล้วยสุกเหมือนกับว่าสวรรค์นั้นส่งนางลงมาเกิดยังโลกมนุษย์ จึงได้ตั้งชื่อว่านางไอ่คำเมื่อโตเป็นสาวไม่ว่าใครก็ทราบชื่อเสียงในเรื่องของความงามของนางไอ่คำเป็นอย่างดีซึ่งเป็นที่รักและหวงแหนมากจึงสร้างปราสาทให้อยู่พร้อมเหล่าสนม กำนัล คอยดูแลอย่างดี
จากนั้นกล่าวถึงน้องพระยาขอม พระยาขอมต่างแบ่งเมืองให้น้องชายและหลานเหลนปกครองเมือง เช่น เมืองฟ้าแดด เมืองหงส์ เมืองสีแก้ว เป็นต้น ขณะเดียวกันยังมีเมืองอีกเมืองหนึ่งชื่อ เมืองผาโพง มีเจ้าชายนามว่า ท้าวผาแดง เป็นกษัตริย์ปกครองอยู่ ท้าวผาแดงแห่งเมืองผาโพง ได้ยินกิตติศัพท์ความงามของธิดาไอ่คำมาก่อนแล้ว ใคร่อยากจะเห็นหน้า จึงปลอมตัวเป็นพ่อค้าพเนจร ถึง นครเอกชะทีตา และติดสินบนนางสนมกำนัล ให้นำของขวัญลอบเข้าไปให้นางไอ่คำ ด้วยผลกรรมที่ผูกพันกันมาแต่ชาติ ปาง ก่อนนางไอ่คำกับท้าวผาแดง จึงได้มีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน จนในที่สุดทั้ง 2 ก็ได้รักกันก่อนท้าวผาแดงจะจากไป เพื่อจัดขบวนขันหมากมาสู่ขอ ทั้ง 2 ได้คร่ำครวญต่อกันด้วยความอาลัยยิ่ง วันเวลาผ่านไปถึงเดือน 6 เป็นประเพณีแต่โบราณของเมืองเอกชะทีตา จะต้องมีการทำบุญบั้งไฟบูชาพญาแถนระยาขอม จึงได้ประกาศบอก ไปตามหัวเมืองต่าง ๆ ว่า บุญบั้งไฟปีนี้จะเป็นการหาผู้ที่จะมาเป็นลูกเขยอีกด้วย ขอให้เจ้าชายหัวเมืองต่างๆ จัดทำบั้งไฟมาจุดแข่งขันกัน ผู้ใดชนะก็จะได้อภิเษกกับพระธิดาไอ่คำด้วย
ข่าวนี้ได้ร่ำลือไปทั่วสารทิศ ทุกเมืองในขอบเขตแว่นแคว้นต่างก็ส่งบั้งไฟเข้ามาแข่งขัน เช่น เมืองฟ้าแดดสูงยาง เมืองเชียงเหียน เชียงทอง แม้กระทั่งพญานาคใต้เมืองบาดาลก็อดใจไม่ไหว ปลอมตัวเป็นกระรอกเผือกมาดูโฉมงามนางไอ่คำด้วยในวันงานบุญบั้งไฟ เมื่อถึงวันแข่งขันจุดบั้งไฟ ปรากฏว่า บั้งไฟท้าวผาแดงจุดไม่ขึ้นพ่นควันดำอยู่ถึง 3 วัน 3 คืน จึงระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้ความหวังท้าวผาแดงหมดสิ้นลง ขณะเดียวกัน ท้าวพังคีพญานาค ที่ปลอมเป็นกระรอกเผือก มาไต่เต้นไปมาอยู่บนยอดไม้ ข้างปราสาทนางไอ่คำ ก็ปรากฏร่างให้นางไอ่คำเห็น นางจึงคิดอยากได้มาเลี้ยง แต่แล้วก็จับไม่ได้ จึงบอกให้นายพราน ยิงเอาตัวตายมา ในที่สุดกระรอกเผือกพังคีก็ถูกยิงด้วยลูกดอกจนตาย ก่อนตายท้าวพังคีได้อธิษฐานไว้ว่า ขอให้เนื้อของข้าได้แปดพันเกวียน คนทั้งเมืองอย่าได้กินหมดเกลี้ยง จากนั้นร่างของกระรอกเผือกก็ใหญ่ขึ้น จนผู้คนแตกตื่นมาดูกันและจัดการแล่เนื้อแบ่งกันไปกินทั่วเมืองด้วยว่าเป็นอาหาร ทิพย์ ยกเว้นแต่พวกแม่ม่ายที่ชาวเมืองรังเกียจ ไม่แบ่งเนื้อกระรอกให้พญานาคแห่งเมืองบาดาลทราบข่าวท้าวพังคีถูกมนุษย์ฆ่าตาย แล่เนื้อไปกินกันทั้งเมือง จึงโกธรแค้นยิ่งนัก ดึกสงัดของคืนนั้นขณะที่ชาวเมืองชะทีตากำลังหลับไหลเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นท้องฟ้าอื้ออึงไปด้วยพายุฝนฟ้า กระหน่ำลงมาอย่างหนัก ฟ้าแลบอยู่ไม่ขาด แผ่นดินเริ่มถล่มยุบตัวลงไปทีละน้อย ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของผู้คนที่วิ่งหนี ตาย พญานาคผุดขึ้นมานับหมื่น นับแสนตัว ถล่มเมืองชะทีตาจมลงใต้บาดาลทันที คงเหลือไว้เป็นดอน 3 - 4 แห่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกแม่ม่ายที่ไม่ได้กินเนื้อกระรอกเผือกจึงรอดตายฝ่ายท้าวผาแดงได้โอกาสรีบควบม้าหนีออกจากเมืองโดยไม่ลืมแวะรับพระธิดาไอ่คำไปด้วยแต่แม้จะเร่งฝีเท้า ม้าเท่าใด ก็หนีไม่พ้นทัพพญานาคที่ทำให้แผ่นดินถล่มตามมา
ในที่สุดก็กลืนท้าวผาแดงและพระธิดาไอ่คำพร้อมม้าแสน รู้ชื่อ บักสาม จมหายไปใต้พื้นดินรุ่งเช้าภาพของเมืองเอกชะธีตาที่เคยรุ่งเรืองโอฬาร ก็อันตธานหายไปสิ้น คงเห็นพื้นน้ำกว้างยาวสุดตา ทุกชีวิตในเมืองเอกชะธีตาจมสู่ใต้บาดาลจนหมดสิ้น เหลือไว้แต่แม่ม่ายบนเกาะร้าง 3 - 4 แห่ง ในผืนน้ำอันกว้างนี้ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นหนองหานหลวง ดังปรากฏในปัจจุบัน.
1.1 ที่มาและความสำคัญ
วรรณกรรมเรื่องท้าวผาแดงนางไอ่เป็นวรรณกรรมที่น่าสนใจในการศึกษา ซึ่งมีตัวละครที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักนั่นก็คือ ท้าวผาแดงและนางไอ่คำ รจนา เนื้อเรื่องมีความสนุกสนานและเป็นที่นิยมกันอย่างมากจึงมีการนำมาดัดแปลงและเผยแพร่ในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ บทละคร นิทาน ภาพยนตร์รวมทั้งวรรณกรรมเรื่องนี้ยังเชื่อมโยงไปยังวัฒนธรรมประเพณีของชาวอีสานนั่นก็คือ บุญบั้งไฟอีกด้วย
1.2 ประวัติหนังสือ/ ผู้แต่ง/ ปีที่แต่ง/สำนักพิมพ์
ต้นฉบับมาจาก หนังสือ ประวัติพระธาตุนารายณ์เจงเวง โดย พระมหาประมวล ฐานทตฺโต
แต่งและเรียบเรียงโดย เตชวโรภิกขุ (อินตา กวีวงศ์) อักษรธรรม 8 ผูก วัดสุทธาวาส บ้านโสกใหญ่ ต.ลือ อ.พนา จ.อุบลราชธานี ยุคสมัยที่แต่ง ปี พ.ศ. 2544 ในสมัยรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บทที่ 2
วิเคราะห์ชื่อและเนื้อหาในวรรณกรรมเรื่องท้าวผาแดงนางไอ่
2.1 ชื่อเรื่องมาจากอะไร
จากวรรณกรรมท้องถิ่นเรื่อง ท้าวผาแดงนางไอ่ ชื่อเรื่องนั้นได้นำมาจากตัวละครซึ่งเป็นตัวละครเอกทั้งฝ่ายชายและหญิง นั่นก็คือ ท้าวผาแดงเป็นตัวละครเอกของฝ่ายชาย นางไอ่เป็นตัวละครเอกของฝ่ายหญิงซึ่งทั้งสองมีความสำคัญกับการดำเนินเรื่องเป็นอย่างมาก
2.2 แก่นเรื่อง
โศกนาฏกรรมของความรักทั้งสามคนนำพามาซึ่งความหายนะ
2.3 โครงเรื่อง
การเปิดเรื่อง
- กล่าวถึงเมืองเอกชะธีตาที่ปกครองโดยกษัตริย์ขอมอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา
- กษัตริย์มีลูกสาวชื่อนางไอ่คำเป็นหญิงที่มีความงามมาก จนเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม
การดำเนินเรื่อง
- เจ้าชายผาแดงซึ่งเป็นกษัตริย์อีกเมืองอยากชมโฉมจึงได้แปลงกายเป็นพ่อค้าเข้าในเมืองเอกชะธีตา
- ทันใดนั้นด้วยบุญบารมีที่สร้างร่วมกันมาตั้งแต่อดีตชาติจึงทำให้ทั้งคู่ถูกชะตาและรักกัน
- ผาแดงรักนางไอ่คำมาก แต่ต้องทำตามประเพณีบ้านเมืองคือไปยกขันหมากมาจากบ้านเมืองตนเพื่อ สู่ขอนางไอ่คำ ทั้งสองจึงแยกจากกัน
- บ้านเมืองของนางไอ่คำมีประเพณีบูชาบั้งไฟ ส่วนพญาขอมอยากให้ลูกสามีคู่ครองจึงจัดการแข่งขัน บั้งไฟ ของใครชนะจะได้นางไอ่คำไปครอง
- ผาแดงรู้ข่าวก็รีบทำบั้งไฟมาแข่งขันแต่บั้งไฟผาแดงเกิดแตก และไม่ขึ้นไปบนฟ้าทำให้ผาแดงพ่ายแพ้ ทั้ง 2 จึงไม่ได้ครองรักกัน
- พังคีซึ่งเป็นพญานาค ในอดีตชาตินั้นเคยรักกันกับนางไอ่คำจึงแปลงกายเป็นกระรอกเผือกขึ้นมาบน เมืองมนุษย์
จุดสูงสุดของเรื่อง
- นางไอ่คำเห็นกระรอกเผือกแล้วอยากได้แต่พยายามจับเท่าไหร่ก็ไม่ได้จึงบอกนายพรานมาจับกระรอก แต่นายพรานนั้นได้ใช้ธนูยิงจนกระรอกเผือกตัวนั้นตาย
จุดจบของเรื่อง
- เมื่อพ่อของพังคีรู้ข่าวว่าเมืองมนุษย์นั้นฆ่าลูกชายของตนจึงโกรธแค้นมาก
- พญานาคนับแสนตัวขึ้นมาถล่มเมืองมนุษย์
- ผาแดงได้ยินข่าวรีบควบม้าบักสามมาเพื่อช่วยนางไอ่แต่ก็ไม่ทันทั้ง 2 ถูกสูบลงสู่เมืองบาดาล
- เหลือเพียงแม่ม่ายที่ไม่ได้กินเนื้อกระรอกเผือกที่ยังมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินมนุษย์
2.4 ตัวละคร
ท้าวผาแดง – เป็นพระเอกของเรื่องมีความมานะอดทนเพื่อที่จะได้แต่งงานกับนางไอ่คำ มีความซื่อสัตย์ รักเดียวใจเดียว กล้าหาญไม่เกรงกลัวสิ่งใด เป็นผู้ที่มีนิสัยดีถึงแม้จะทำผิดก็กล้ายอมรับผิด มีรูร่างสูงใหญ่น่าเกรงขาม
นางไอ่คำ – เป็นนางเอกของเรื่อง เป็นลูกของกษัตริย์เมืองขอมที่มีความสวยงามจนเป็นที่หมายปองของชาย มีกิริยาท่าทางอ่อนหวาน จิตใจดีมีเมตตา ในอดีตชาตินั้นเคยเป็นคู่รักของ ผาแดง และ พังคี
พังคี – เป็นพญานาคซึ่งในอดีตชาตินั้นเคยเป็นคู่รักกับนางไอ่คำ เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ต่อคนรัก ยอมเสียสละ ใจเย็นมีสติ
พระยาขอม – เป็นบิดาของนางไอ่คำ รักความสงบ ปกครองเมืองด้วยความร่มเย็นเป็นสุข มีเมตตากรุณา
พยานาคพ่อของพังคี – เป็นพญานาคผู้น่าเกรงขาม มีนิสัยใจร้อน โมโหง่าย โกรธแค้น รักลูกยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก ไม่สามารถเอาชนะความโกรธในจิตใจของตนเองได้
2.5 ภาษา
ภาษาที่ใช้แต่งเป็นภาษาอีสาน เป็นบทคำกลอนอีสาน ในเรื่องมีการใช้โวหาร เช่น อุปมา อุปลักษณ์ อติพจน์ และโวหาร ใช้ภาษาในลักษณะของการใช้ถ้อยคำ เช่น การใช้คำง่าย คำยาก คำซ้ำ คำซ้อนอุทาหรณ์
2.6 สถานที่
1. เมืองเอกชะธีตา - มีกษัตริย์ขอมปกครองด้วยความรักความเมตตาอยู่ร่วมกันกับชาวประชาอย่างมีความสุขมีลูกสาวที่แสนงดงามจนเป็นที่หมายปองของชายนั่นก็คือธิดาไอ่คำ
2. ลานประลองบั้งไฟ – ลานประลองบั้งไฟจัดขึ้นเพื่อบูชาเป็นประเพณีของชาวเมืองเอกชะธีตา ซึ่งในครั้งนี้ถ้าบั้งไฟใครชนะจะได้นางไอ่คำไปครอง
3. เมืองผาโผง - ปกครองโดยท้าวผาแดงผู้มากความสามารถ รูปร่างกำยำน่าเกรงขามปกครองด้วยความเป็นธรรมบ้านเมืองสงบร่มเย็น
4. เมืองพญานาค – ปกครองด้วยพญานาคซึ่งมีลูกชายนามว่าพังคี อยู่กันอย่างสงบสุขในเมืองบาดาลเมื่อลูกชายขึ้นมาเมืองมนุษย์ถูกมนุษย์จับกินจึงโกรธแค้นไปทำลายจนเมืองทั้งเมืองจมลงสู่บาดาลเหลือแค่บางที่สำหรับคนที่ไม่ได้กินเนื้อพังคี
2.7 ฉาก
1. มีเมืองหนึ่งปกครองโดยกษัตริย์ขอมอยู่เย็นเป็นสุข
2. กษัตริย์ขอมมีลูกสาวชื่อไอ่คำสวยจนได้สร้างปราสาทเก็บตัว
3. เจ้าชายผาแดงอยากชมโฉมจนปลอมตัวเอ็นพ่อค้าเข้ามาเมืองเอกชะธีตา
4. ท้าวผาแดงและนางไอ่คำเกิดความรักกัน จึงได้ทำให้ผาแดงกลับเมืองเพื่อยขันหมากมาสู่ขอ
5. ประเพณีบ้านนางไอ่คำจุดบั้งไฟบูชา ใครชนะจะได้ครองนางไอ่คำ
6. ผาแดงจุดบั้งไฟไม่ขึ้นทำให้หมดหวังกับความรัก
7. พังคีซึ่งเป็นพญานาคเคยรักกับนางไอ่ในอดีตชาติแปลงกายเป็นกระรอกเผือก
8. นางไอ่คำอยากได้กระรอกเผือกจึงทำให้นายพรานจับแต่ไม่ได้จึงจับด้วยการฆ่า
9. ก่อนกระรอกเผือกตายได้อธิษฐานว่าขอให้เนื้อตนเองได้แปดพันเกวียน
10. พ่อของพังคีได้ทราบข่าวโกรธแค้นเป็นอย่างมาก
11. พญานาคนับแสนตัวถล่มเมืองเอกชะธีตา
12. ผาแดงมาช่วยนางไอ่แต่ก็ช่วยไม่ได้ทำให้ทั้ง 2 จมลงสู่เมืองบาดาล
13. เมืองเอกชะธีตาจมลงสู่เมืองบาดาลเหลือเพียงแม่ม่ายที่ไม่ได้กินเนื้อกระรอกเผือก
บทที่ 3
ความโดดเด่นของโครงเรื่อง
วรรณกรรมท้องถิ่นเรื่องท้าวผาแดงนางไอ่เป็นนิทานคำกลอนอีสานใช้ภาษาอีสานในการแต่งทำให้คนอีสานเข้าใจได้อย่างง่ายดาย สนุกสนาน อีกทั้งโครงเรื่องที่น่าติดตามเพราะท้าวผาแดงและพังคีเป็นอดีตชาติของความรักนางไอ่ อีกทั้งในเรื่องนี้ยังให้ข้อคิดการใช้ชีวิตมากมายแก่ผู้ที่อ่านเป็นอย่างมาก
บทที่ 4
การนำไปประยุกต์ใช้
วรรณกรรมเรื่องท้าวผาแดงนางไอ่เป็นวรรณกรรมที่น่าสนใจในการศึกษา ซึ่งมีตัวละครที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักนั่นก็คือ ท้าวผาแดงและนางไอ่คำ รจนา เนื้อเรื่องมีความสนุกสนานและเป็นที่นิยมกันอย่างมากจึงมีการนำมาดัดแปลงและเผยแพร่ในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ บทละคร นิทาน ภาพยนตร์
ยกตัวอย่าง
สาขาวิชาภาษาไทยมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ได้นำเรื่องผาแดงนางไอ่ มาสร้างเป็นละครเวที ทำให้ผู้คนชอบเนื้อหาของเรื่องและสนุกสนานไปกับการแสดงของเหล่านักแสดง
สรุปท้ายเรื่องอินโฟกราฟฟิก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น